JasonMyFitness

ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งดี แต่คนส่วนมากก็มีความรู้ที่ผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

ซึ่งเมื่อนำมาปฏิบัติเป็นประจำแล้วก็จะกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีและไม่ทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่บ้านหรือที่ฟิตเนสก็ตาม ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คนออกกำลังกายควรเลิกทำ!

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก organicbook.com

 

มีทฤษฎีเก่าๆที่เคยกล่าวว่าเราควรออกกำลังกายตอนท้องว่างเพื่อการเผาผลาญไขมันที่ดีขึ้น แต่ว่าเมื่อมีการวิจัยและศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับทฤษฎีนี้กลับพบว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริง
งานวิจัยส่วนมากในปัจจุบันพบว่าการออกกำลังกายระหว่างท้องว่างจะทำให้การออกกำลังกายของเราด้อยประสิทธิภาพลง และเราก็จะยังไม่สามารถทุ่มเทแรงของเราได้เต็มที่สำหรับการออกกำลังกายแบบเข้มข้นขึ้น

ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าเราจะทานอะไรสักอย่างก่อนออกกำลังกาย 45 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง โดยอาจจะเลือกเป็นขนมปัง 1 แผ่นทาด้วยเนยถั่วสัก 1 ช้อนโต๊ะ, กล้วยหอม 1 ลูก, หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำสัก 1 ถ้วย ทานแค่พอให้มีอะไรอยู่ในท้อง ไม่ต้องทานมื้อหนัก เพียงแค่นี้ร่างกายของเราก็จะมีพลังในการออกกำลังกายต่างๆ โดยที่เราจะไม่เสี่ยงกับการล้มพับหรือหมดแรงไปก่อน

 

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้ผลที่วิเศษมากก็จริงอยู่ เพราะช่วยในให้หัวใจแข็งแรง เพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกาย แถมทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายแข็งแรงด้วย แต่การคาร์ดิโออย่างเดียวไม่ทำให้ร่างกายเราเผาผลาญไขมันอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการเผาผลาญไขมันส่วนเกิดอย่างรวดเร็ว การออกกำลังกายโดยใช้บอดี้เวท (น้ำหนักร่างกายของเราเอง) หรือว่าอุปกรณ์ยกน้ำหนัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้เราจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเราเน้นการสร้างกล้ามเนื้อเข้าไปด้วย ในระหว่างที่เราฝึกนั้น เราอาจไม่ได้เบิร์นมาก แต่มวลกล้ามเนื้อที่เราเสริมสร้างเข้าไปในร่างกายจะช่วยร่างกายเราเผาผลาญได้มากหลังจากออกกำลังกาย

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือ stretching นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย แต่ถ้าเราจะยืดเส้นยืดสายแค่ก่อนออกกำลังกาย เราจะมีโอกาสเสี่ยงมากต่อการบาดเจ็บระหว่างออกกำลังกายอยู่ดีควรมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย โดยทำหลังจาก warm up ด้วยคาร์ดิโออย่างเบาๆแล้ว 5-10 นาที ส่วนหลังออกกำลังกายควรทำการ cool down โดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ประมาณ 5-10 นาที ห้ามลืมเด็ดขาด เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้ปรับเข้าสู่โหมดปกติโดยมีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือข้อต่อน้อยที่สุด

ข้อควรระวังคือควรทำอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อนเพราะอาจเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้ และถ้ามีอาการบาดเจ็บอยู่แล้วก็ควรหลีกเลี่ยง รอให้หายก่อนจะดีกว่า

 

สิ่งที่ตรงข้ามกับการไม่ทุ่มเทมากพอ คือ การทำเยอะเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว การออกกำลังกายก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ถึงแม้จะมีข้อดี แต่มันก็มีข้อเสียถ้าเราไม่รู้ลิมิตของตนเอง ข้อเสียของการออกกำลังกายหนักเกินไปที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ อาการบาดเจ็บที่บางครั้งทำให้ถึงกับออกกำลังกายไม่ได้เป็นเดือน
สำหรับคนรักการออกกำลังกาย ถ้าคุณบาดเจ็บตรงร่างกายส่วนบน เช่น กล้ามแขนท่อนบน คุณยังสามารถออกกำลังกายแบบ high intensity ได้
โดยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอโดยเน้นร่างกายส่วนล่างแทน เช่น การวิ่ง กระโดดเชือก สเต็ป สควอท ฯลฯ แต่ถ้าร่างกายส่วนล่างบาดเจ็บ ให้ลองออกกำลังกายแบบ low impact เช่น ว่ายน้ำ พายเรือ ต่อยนวม ฯลฯ

 

บางคนออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างที่ดีอยู่แล้วให้ดีต่อไป บางคนเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย บางคนเพื่อลดน้ำหนัก ลดไขมันส่วนเกิน บางคนเพื่อแก้เบื่อ บางคนมาหาเพื่อน บางคนเพื่อเข้าสังคม ฯลฯ แต่กรณีนี้ที่เราจะพูดถึง คือ กรณีคนที่มีจุดประสงค์เพื่อลดน้ำหนักหรือเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย บางคนอ้วนแต่ข้ออ้างเยอะ กลัวเหนื่อย กลัวเจ็บ กลัวขาใหญ่ กลัวนมแฟ่บ สารพัดที่จะกลัว แต่ก็อยากจะหุ่นดี

อยากจะบอกว่าความ “ร่างกายเราจะเบิร์นแฟตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการฝึกของเรานั่นแหละ”

 

คนส่วนมากเลือกที่จะไปออกกำลังกายที่ยิมในลักษณะเดิมๆ เคยเล่นเครื่องไหน เข้าคลาสไหนก็เล่นแต่อันนั้น ทำวนเวียนอยู่ซ้ำๆ ซึ่งมันไม่ค่อยเวิร์คนัก เพราะในที่สุดร่างกายของเราจะหยุดพัฒนา เพราะว่ามันเกิดความเคยชินกับ routine เดิมๆที่เราทำเรื่อยๆ นี่เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมหลายคนออกกำลังกายตอนแรกๆได้ผลดีมาก แต่เมื่อผ่านไปสักพักร่างกายปรับตัวได้ เริ่มไม่เห็นผลเท่าใดนัก

ดังนั้น ถ้าอยากให้การออกกำลังกายของเราไม่เหนื่อยเปล่าและได้ผลที่สุด ควรเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังทุก 2 สัปดาห์ โดยการเปลี่ยนท่าทางออกกำลังกาย จำนวนครั้งหรือเซ็ตที่เราทำ หรือว่าน้ำหนักเวทที่เรายก นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเติมการเล่นคลาสต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ พีลาทีส เต้น ชกมวย โหนบาร์ ฯลฯ ซึ่งการฝึกในหลายๆรูปแบบจะทำให้ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพสูงขึ้น แข็งแรงและบาดเจ็บน้อยลงด้ว

 

ข้อมูลจาก organicbook.com

 

Leave a Reply